วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2563

4วิธีการทำแท้งในไทยสมัยก่อน









จากวรรณกรรมไทยสมัยโบราณหลายเรื่องรวมไปถึงความเชื่อมากมายทางพุทธศาสนาจะแสดงให้เห็นว่าคนไทยในสมัยโบราณนั้นไม่ได้มีการคุมกำเนิดที่ดีนัก  ส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นการทำแท้งเสียมากกว่า อ้างอิงได้จากเรื่องราวของเปรตกินลูกในทางพุทธศาสนารวมไปถึงเรื่องราวในวรรณคดีไทยสมัยเก่าส่วนใหญ่เช่น ขุนช้างขุนแผน  ทั้งฉบับเก่าและในฉบับชำระความล้วนแต่แสดงให้เห็นถึงการตั้งครรภ์โดยไม่ได้มีขั้นตอนป้องกันหรือยาแก้แต่อย่างใด  จึงอนุมานได้ว่าในสมัยโบราณนั้นไม่ได้มีการคุมกำเนิด  มีเพียงแต่การฆ่าทารกหรืออีกนัยหนึ่งคือทำแท้งเพียงเท่านั้น  และวิธีการต่างๆเหล่านี้คือการทำแท้งในสมัยโบราณ



1.กินสมุนไพรขับเลือด
คนโบราณจะเข้ายากับพืชผักสมุนไพรที่มีผลในการขับเลือดเสียทำให้เลือดลมไหลเวียนดีมาปรับทำเป็นยาเพื่อขับเอาก้อนเลือดที่มีการปฏิสนธิแล้วออกมากับประจำเดือน  มักจะใช้ในช่วงแรกๆของการตั้งครรภ์และจะยิ่งไม่เห็นผลเมื่ออายุครรภ์มีมากขึ้นเรื่อยๆ




2.สูตรยาที่ใช้เหล้าขาวผสมพริกไทย  ไพล  ขิง
“ชนิดนางอย่างนี้มีชุมนัก เป็นโรครักเกิดมารศีรษะขน
ต้องกินยาเข้าสุราพริกไทยปน หมายประจญจะให้ดับที่อับอาย”
จากบทร้อยกรองสุภาษิตสอนหญิงแสดงให้เห็นว่าการทำยานั้นไม่ได้มีเพียงแต่การใช้สมุนไพรประเภทขับเลือดเพื่อยุติการตั้งครรภ์เท่านั้น  นอกจากนั้นยังใช้วิธีการผสมสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อนกับสุราขาวเพื่อให้มีผลต่อการไหลเวียนเลือดในร่ายกายซึ่งเป็นแนวคิดเดียวกันในการบำรุงเลือดลมและขับเลือดเสียออกมาพร้อมกับไข่ที่มีการปฏิสนธิเป็นที่เรียบร้อยแล้ว





3.การนวด
เพื่อเอาเด็กออกโดยมีหมอตำแยเป็นผู้ลงมือทำ  เป็นวิธีการสมัยโบราณ คล้ายการทำคลอดโดยหมอตำแย ทั้งบีบเค้นใช้แรงกระแทกที่หน้าท้อง มักใช้กับรายที่อายุครรภ์มากขึ้นอีกหน่อย  นั่นคือสามารถมองเห็นว่าหน้าท้องนูนแล้ว  มดลูกมีขนาดโตพอที่สามารถใช้แรงกดถึงได้ จึงจะทำการนวดหรือใช้อุปกรณ์ทุบลงไปเพื่อทำลายทารกในครรภ์
วิธีทำแท้งประเภทนี้สามารถอ้างอิงไปถึงสมัยโบราณได้ด้วยจิตรกรรมรูปนูนต่ำชิ้นหนึ่งที่นครวัด ในประเทศกัมพูชา โดยเป็นภาพสลักรูปอสูรทำแท้งโดยใช้สากตำไปที่ท้องของสตรีมีครรภ์
โดยวิธีนี้มีความเสี่ยงสูง  หากใช้แรงมากนอกจากทารกจะเสียชีวิตและหลุดออกมาแล้ว  คนเป็นแม่ก็มีสิทธิ์ที่อวัยวะภายในบอบช้ำ  เสี่ยงต่อมดลูกแตกและมีอาการเลือดตกในหรือช้ำในได้ ปัจจุบันจึงมักจะไม่ใช้วิธีนี้



4.เอาขี้เถ้ายัดปาก
ไม่ใช่เป็นแค่สำนวนที่เอาไว้ใช้ขู่เด็กซนๆเท่านั้น  การเอาขี้เถ้ายัดปากเพื่อให้เด็กทารกที่เพิ่งเกิดเสียชีวิตลงยังเป็นอีกวิธีที่จะทำลายชีวิตหนึ่งที่ไม่ต้องการให้ตื่นลืมตาขึ้นมาดูโลกอีกด้วย  โดยคำว่า ‘ขี้เถ้า’ เพี้ยนมาจากคำว่า ‘ขี้เทา’ ซึ่งคือ อุจจาระของเด็กแรกคลอด สีเทาๆ เละๆ ไม่มีกลิ่น เด็กบางคนถ่ายขี้เทาตอนช่วงใกล้คลอด แล้วกลืนขี้เทาปนไปกับน้ำคร่ำ จนทำให้สำลักและเสียชีวิตในตอนคลอดได้
สำนวนคำว่า เอา "ขี้เทา" ยัดปาก  จึงหมายถึงการที่นำเอาขี้เทาของเด็ก ยัดใส่ปาก เพื่อให้เด็กเสียชีวิต ทั้งนี้ก็เพื่อจะได้สามารถอ้างได้ว่า เด็กสำลักขี้เทาเข้าไปแล้วเสียชีวิตไปเอง
เป็นไงกันบ้างครับ 4 วิธีทำแท้งในสมัยโบราณ  แต่ละวิธีล้วนแต่โหดร้ายกับแม่และเด็กทั้งนั้น  และไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านมานานแค่ไหน  การทำแท้งก็ยังคงมีความโหดร้ายทารุณต่อแม่และเด็กอยู่  ผู้เขียนจึงหวังว่าหากใครได้เข้ามาอ่านบทความนี้แล้วอยากให้เป็นอุทาหรณ์หรือเปลี่ยนความคิดหากจะทำในสิ่งที่ไม่สมควรนี้  นั่นเพราะเด็กก็คือหนึ่งชีวิตที่เกิดขึ้นมา  การทำแท้งก็คือการฆ่าหนึ่งชีวิตที่ไม่สามารถปกป้องดูแลตัวเองได้  หากไม่พร้อมควรป้องกันดีกว่ามาแก้ปัญหาที่ปลายเหตุกันนะครับ